แชร์

กว่าจะมาเป็นสาย LAN Backbone ที่ขาดไม่ได้ในยุค AI

อัพเดทล่าสุด: 24 ธ.ค. 2025
33 ผู้เข้าชม

เคยสงสัยไหมว่าโลกดิจิทัลที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้จะทำงานได้อย่างไร หากไม่มีเส้นใยเล็กๆ ที่มองไม่เห็นเหล่านี้คอยเชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกัน? ใช่แล้วครับ เรากำลังพูดถึง สาย LAN หรือสายเคเบิลเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลังความเร็ว เสถียรภาพ และความปลอดภัยของการเชื่อมต่อในแทบทุกแง่มุมของชีวิตดิจิทัลของเรา ตั้งแต่การทำงานในสำนักงาน การเล่นเกมออนไลน์ ไปจนถึงระบบอัจฉริยะในบ้านและเมือง หากคุณกำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับ ประวัติความเป็นมาของสาย LAN และการเดินทางอันน่าทึ่งของเทคโนโลยีนี้ คุณมาถูกที่แล้วครับ บทความนี้จะพาคุณย้อนรอยดูว่า วิวัฒนาการของสาย LAN เกิดขึ้นได้อย่างไร ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เรียบง่าย ไปจนถึงมาตรฐานความเร็วสูงในยุคปัจจุบันและอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI และ IoT เราจะเจาะลึกถึงมาตรฐาน Cat ต่างๆ ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีเสริมที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถ รวมถึงบทบาทของแบรนด์ชั้นนำอย่าง Panduit และ Royaltec ที่มีส่วนในการพัฒนาสาย LAN มาดูกันว่าสาย LAN ที่คุณใช้อยู่ทุกวันนี้มีเบื้องหลังที่น่าสนใจแค่ไหน และจะยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมต่อโลกของเราไปอีกนานเพียงใด

ในยุคที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออกนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า "สาย LAN" คือเสาหลักที่คอยขับเคลื่อนการสื่อสารและการส่งผ่านข้อมูลทั่วโลก แม้ว่าเทคโนโลยีไร้สายอย่าง Wi-Fi จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่สาย LAN ยังคงเป็นรากฐานที่มั่นคงและเชื่อถือได้สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ระบบเครือข่ายภายในองค์กรขนาดใหญ่ ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ไปจนถึงบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) และอาคารอัจฉริยะ (Smart Building) ที่ต้องการความเสถียรและความปลอดภัยสูงสุด การที่สาย LAN สามารถให้ความเร็วที่สม่ำเสมอ ลดความหน่วง (Latency) ได้ดีเยี่ยม และมีความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูลที่เหนือกว่า ทำให้มันยังคงเป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ในโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลของเรา

จุดกำเนิดของระบบเครือข่ายและสาย LAN ยุคบุกเบิก

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ยุคแรกเริ่ม (ARPANET, Ethernet)

แนวคิดพื้นฐานเรื่องการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าหากันเริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1960 ด้วยโครงการ ARPANET ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน ARPANET ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการสื่อสารข้อมูลระยะไกล แต่สำหรับการสร้างเครือข่ายภายในพื้นที่จำกัด อีเทอร์เน็ต (Ethernet) ที่พัฒนาขึ้นโดย Robert Metcalfe ที่ Xerox PARC ในช่วงทศวรรษ 1970 ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานของระบบ LAN อีเทอร์เน็ตยุคแรกสามารถส่งข้อมูลได้ที่ความเร็ว 10 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) และค่อยๆ กลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเวลาต่อมา

การถือกำเนิดของสาย Coaxial และ Twisted Pair

ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาเครือข่าย สาย Coaxial (โคแอ็กเชียล) หรือสายเคเบิลแบบแกนร่วม ถูกนำมาใช้เป็นสื่อกลางหลักสำหรับเครือข่ายอีเทอร์เน็ต โดยมีทั้งแบบ Thinnet (10BASE2) ที่บางกว่าและ Thicknet (10BASE5) ที่หนากว่า แต่สาย Coaxial มีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ความยืดหยุ่นในการติดตั้งที่ไม่มากนัก และราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้การขยายเครือข่ายทำได้ยาก

ต่อมา สาย Twisted Pair (ทวิสต์แพร์) ซึ่งประกอบด้วยสายทองแดงหุ้มฉนวนตีเกลียวคู่ ได้รับการพัฒนาขึ้นและเข้ามาแทนที่ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นมากกว่า ติดตั้งง่ายกว่า และมีราคาถูกกว่ามาก โดยมีทั้งแบบไม่มีชีลด์หุ้ม (UTP - Unshielded Twisted Pair) ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก และแบบมีชีลด์หุ้ม (STP - Shielded Twisted Pair) ที่ช่วยลดสัญญาณรบกวนได้ดีกว่า ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้การสร้างเครือข่าย LAN สามารถทำได้ง่ายและประหยัดยิ่งขึ้น

วิวัฒนาการสู่ความเร็วสูง

มาตรฐานสาย LAN ถูกจัดหมวดหมู่ตาม Category หรือ Cat เพื่อระบุประสิทธิภาพและคุณสมบัติในการส่งข้อมูล โดยแต่ละ Cat จะรองรับความเร็วและความถี่ในการส่งข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง วิวัฒนาการของสาย LAN ได้อย่างชัดเจน

Cat1 - Cat3 ยุคเริ่มต้นของการส่งข้อมูล

  • Cat1 เป็นสายที่ใช้สำหรับโทรศัพท์แบบอนาล็อกเป็นหลัก ไม่เหมาะสำหรับการส่งข้อมูลดิจิทัลความเร็วสูง
  • Cat2 รองรับการส่งข้อมูลที่ความถี่สูงสุด 4 MHz ซึ่งใช้สำหรับเครือข่าย Token Ring ยุคแรกๆ แต่ไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายมากนัก
  • Cat3 เป็น มาตรฐานสาย LAN แรกที่ถูกนำมาใช้กับเครือข่ายอีเทอร์เน็ต 10BASE-T โดยรองรับความเร็วสูงสุด 10 Mbps ที่ความถี่ 16 MHz ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายในสำนักงานยุคแรกๆ

Cat5 และ Cat5e มาตรฐานที่เปลี่ยนแปลงโลก

  • Cat5 กลายเป็น มาตรฐานสาย LAN ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในยุค 90 รองรับ Fast Ethernet (100BASE-TX) ที่ความเร็ว 100 Mbps ที่ความถี่ 100 MHz ซึ่งเป็นความเร็วที่เพียงพอสำหรับความต้องการของธุรกิจและครัวเรือนในเวลานั้นอย่างมาก
  • Cat5e (Enhanced Cat5) เป็นการปรับปรุงจาก Cat5 ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยลด Crosstalk (สัญญาณรบกวนข้ามคู่สาย) ได้ดีขึ้น และรองรับ Gigabit Ethernet (1000BASE-T) ได้เต็มรูปแบบที่ระยะ 100 เมตร ซึ่งทำให้ สาย Cat5e กลายเป็นมาตรฐานที่แพร่หลายที่สุดและเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับยุค Gigabit Ethernet ที่ทำให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกลายเป็นเรื่องปกติ

Cat6 และ Cat6a ก้าวสู่ Gigabit Ethernet และ 10 Gigabit Ethernet

  • Cat6 ออกแบบมาเพื่อรองรับ Gigabit Ethernet (1000BASE-T) ได้อย่างเสถียรที่ระยะ 100 เมตร และยังสามารถรองรับ 10 Gigabit Ethernet (10GBASE-T) ได้ในระยะทางที่สั้นลง (ไม่เกิน 55 เมตร) ด้วยการออกแบบที่ช่วยลดสัญญาณรบกวนภายในสายที่ดีขึ้น รองรับความถี่สูงสุด 250 MHz สาย Cat6 จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงกว่า Cat5e
  • Cat6a (Augmented Cat6) พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับ 10 Gigabit Ethernet (10GBASE-T) ได้เต็มระยะ 100 เมตร รองรับความถี่สูงสุด 500 MHz มีการปรับปรุงเพื่อลด Alien Crosstalk (สัญญาณรบกวนจากสายข้างเคียง) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเครือข่ายความเร็วสูงที่มีสายจำนวนมากรวมกัน สาย Cat6a กลายเป็นมาตรฐานที่ได้รับความนิยมสำหรับศูนย์ข้อมูลและอาคารสำนักงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความพร้อมสำหรับอนาคต อ่านบทความความแตกต่างระหว่าง สายแลน CAT5E CAT6 และ CAT6Aได้ที่นี่

Cat7, Cat7a และ Cat8 ความเร็วสูงสุดเพื่ออนาคต

  • Cat7/Cat7a เป็นสายที่มีการชีลด์หุ้มแต่ละคู่สายและชีลด์หุ้มโดยรวม (S/FTP) เพื่อให้การป้องกันสัญญาณรบกวนที่ดีเยี่ยม รองรับความถี่สูงถึง 600 MHz สำหรับ Cat7 และ 1000 MHz สำหรับ Cat7a ซึ่งสามารถรองรับ 10 Gigabit Ethernet ได้เช่นกัน แต่การใช้งานในวงกว้างอาจมีข้อจำกัดเนื่องจากมักใช้หัวต่อแบบ GG45 หรือ TERA แทน RJ45 ซึ่งไม่เป็นมาตรฐานทั่วไป
  • Cat8 เป็น มาตรฐานสาย LAN ล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความเร็วสูงระดับ 25 Gigabit Ethernet (25GBASE-T) และ 40 Gigabit Ethernet (40GBASE-T) ในระยะทางสูงสุด 30 เมตร โดยรองรับความถี่สูงถึง 2000 MHz สาย Cat8 เหมาะสำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่และสภาพแวดล้อมที่ต้องการแบนด์วิดท์สูงสุดในระยะสั้น และยังคงใช้หัวต่อแบบ RJ45 ทำให้เข้ากันได้กับอุปกรณ์เครือข่ายปัจจุบัน ทำให้เป็นทางเลือกสำหรับอนาคต

เทคโนโลยีเสริมที่มาพร้อมกับการพัฒนาสาย LAN

Power over Ethernet (PoE) การจ่ายไฟผ่านสาย LAN

Power over Ethernet (PoE) คือเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะที่ช่วยให้สาย Ethernet สามารถส่งทั้งข้อมูลและพลังงานไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ปลายทางได้พร้อมกันผ่านสายเคเบิลเพียงเส้นเดียว ลองนึกภาพว่าคุณสามารถติดตั้งกล้องวงจรปิด IP, โทรศัพท์ VoIP, Access Point Wi-Fi, เซ็นเซอร์ IoT หรืออุปกรณ์ Smart Building อื่นๆ ได้โดยไม่ต้องเดินสายไฟแยกต่างหาก มันช่วยลดความซับซ้อนในการติดตั้ง ลดค่าใช้จ่ายในการเดินสายไฟ และเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดวางอุปกรณ์ได้อย่างมหาศาล มาตรฐาน PoE ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ IEEE 802.3af (PoE) จ่ายไฟได้สูงสุด 15.4W, 802.3at (PoE+) จ่ายไฟได้สูงสุด 30W และ 802.3bt (PoE++) จ่ายไฟได้สูงสุด 60W หรือ 90W ซึ่งตอบสนองความต้องการอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูงขึ้นเรื่อยๆ

บทบาทของสาย Fiber Optic ในระบบ LAN ขนาดใหญ่

แม้ว่าสายทองแดง (Twisted Pair) จะเป็นหัวใจหลักของ LAN ทั่วไป แต่สาย Fiber Optic (ใยแก้วนำแสง) ก็มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในระบบ LAN ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ Backbone หรือการเชื่อมต่อระยะไกลระหว่างอาคารหรือระหว่างชั้นต่างๆ ด้วยคุณสมบัติที่เหนือกว่าในด้านความเร็ว แบนด์วิดท์ที่สูงกว่ามาก ระยะทางการส่งข้อมูลที่ยาวกว่า และภูมิคุ้มกันต่อสัญญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้ Fiber Optic เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเชื่อมโยงหลักที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในสภาพแวดล้อมเครือข่ายที่มีความต้องการสูง เช่น ในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่หรือเครือข่ายมหาวิทยาลัย ที่ต้องการความเสถียรและความน่าเชื่อถือที่ไม่มีใครเทียบได้

เชื่อมโยงสู่ AI และ IoT

ความต้องการแบนด์วิดท์ที่เพิ่มขึ้นจาก AI และ IoT

การมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Internet of Things (IoT) ได้สร้างความต้องการแบนด์วิดท์และความเร็วของเครือข่ายอย่างมหาศาล อุปกรณ์ IoT นับพันล้านชิ้นทั่วโลกกำลังผลิตและส่งข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ระบบ AI ต้องการการประมวลผลข้อมูลที่รวดเร็วและแม่นยำเพื่อการเรียนรู้และตัดสินใจ การสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงและมีความหน่วงต่ำจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง สาย LAN ที่มีประสิทธิภาพสูงจึงเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้ AI และ IoT สามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ ทั้งในการประมวลผลบนคลาวด์และ Edge Computing ที่นำการประมวลผลไปใกล้แหล่งกำเนิดข้อมูลมากขึ้น

มาตรฐานและเทคโนโลยีสาย LAN สำหรับศูนย์ข้อมูลและ Smart Building

สำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่ต้องการความเร็วและความน่าเชื่อถือสูงสุด สาย Cat8 และสาย Fiber Optic คือตัวเลือกหลักสำหรับการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์เครือข่ายภายใน ด้วยความสามารถในการรองรับแบนด์วิดท์ 25/40 Gbps และ 100 Gbps+ ตามลำดับ ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจำนวนมหาศาลจะถูกส่งผ่านได้อย่างรวดเร็วและไม่มีสะดุด

ในส่วนของ Smart Building หรืออาคารอัจฉริยะ PoE มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการจ่ายพลังงานและข้อมูลให้กับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ระบบไฟอัจฉริยะ เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว กล้องวงจรปิด ระบบควบคุมสภาพอากาศ และระบบเข้าออกอาคาร การใช้ สาย Cat6a หรือสูงกว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานช่วยให้มั่นใจได้ว่าเครือข่ายจะรองรับความต้องการแบนด์วิดท์และอุปกรณ์ IoT ที่เพิ่มขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับการลงทุน

อนาคตที่ไร้ขีดจำกัดของสาย LAN

ในตลาด สาย LAN ระดับโลก ชื่อของ Panduit เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายและระบบไฟฟ้า ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1955 บริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่หลากหลาย ตั้งแต่สายเคเบิลทองแดงและใยแก้วนำแสง ระบบจัดระเบียบสายไฟ แร็คและตู้ ไปจนถึงโซลูชั่นสำหรับศูนย์ข้อมูลและอุตสาหกรรม Panduit มีชื่อเสียงในด้านนวัตกรรม คุณภาพระดับโลก และการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลที่เข้มงวด ทำให้เป็นตัวเลือกที่เชื่อถือได้สำหรับองค์กรขนาดใหญ่และโครงข่ายที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและความคงทนในระยะยาว

สำหรับในไทย Royaltec เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสาย LAN แบรนด์ Panduit ด้วยความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและเชื่อถือได้ Royaltec จึง จัดหาสาย LAN ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดภายในประเทศได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในบ้าน สำนักงาน หรือโครงการขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ รวมไปถึงระดับ DATA Center Royaltec มักจะเน้นที่ความคุ้มค่า ประสิทธิภาพที่สอดคล้องกับมาตรฐาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในระบบเครือข่าย เพื่อการเชื่อมต่อและส่งข้อมูลที่สามารถเชื่อใจได้

จากสาย Coaxial ในยุคบุกเบิก สู่ สาย Twisted Pair มาตรฐานต่างๆ ที่พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ Cat1 จนถึง Cat8 สาย LAN ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มันคือเส้นทางแห่งนวัตกรรมที่เชื่อมโยงเราเข้ากับโลกดิจิทัลมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ สาย Cat5e ในบ้านหรือ สาย Cat6 ในสำนักงาน มันคือกระดูกสันหลังที่สำคัญ

ในขณะที่เทคโนโลยีไร้สายก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง สาย LAN ยังคงเป็นกระดูกสันหลังที่แข็งแกร่งและจำเป็นสำหรับโลกดิจิทัลในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของ AI, IoT, Big Data และ Smart Cities ที่ต้องการการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว เสถียร และปลอดภัยสูงสุด สาย LAN จะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ช่วยให้เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนโลกของเราให้ดียิ่งขึ้นไป อย่ารอช้า! หากคุณกำลังมองหา สาย LAN คุณภาพดี หรือต้องการอัปเกรดเครือข่ายของคุณ อย่าลืมพิจารณามาตรฐานล่าสุดและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือเพื่อการเชื่อมต่อที่เหนือกว่าในอนาคต!

 

______________________________________________________
หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมสามารถติดต่อมาได้ที่
โทร 02-9344790
Line : @royaltec หรือ https://lin.ee/AwYkey4
Facebook : Royaltec Thailand
www.royaltec.com


บทความที่เกี่ยวข้อง
5 เทรนด์ Cyber Security ที่คุณต้องรู้ในปี 2026
โลกดิจิทัลที่ไร้พรมแดนนำความสะดวกสบายมาให้เราอย่างมหาศาล แต่ในอีกด้านหนึ่ง มันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน ภัยคุกคามไซเบอร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคนไอทีอีกต่อไป แต่มันแฝงตัวอยู่รอบๆ เราอย่างแนบเนียน ตั้งแต่การหลอกลวงผ่านโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง การรู้เท่าทันและคาดการณ์เทรนด์ Cyber Security ล่วงหน้าจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้เราทั้งในฐานะบุคคลและองค์กร สามารถเตรียมพร้อมรับมือและวางกลยุทธ์การป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่า 5 เทรนด์ความปลอดภัยไซเบอร์ในปี 2026 ที่เราต้องจับตามองมีอะไรบ้าง
Perovskite เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ชนิดใหม่ พลังแสงอาทิตย์แห่งอนาคต
เพอรอฟสไกต์ (Perovskite) วัสดุและนวัตกรรมใหม่ที่กำลังเป็นที่จับตาอย่างมากในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ เพราะมันไม่ได้มาแค่เพื่อแข่งขัน แต่จะเข้ามา เปลี่ยนภาพจำ ของโซลาร์เซลล์แบบดั้งเดิมไปตลอดกาล !
Datacenter Trend
ปี 2026 จะไม่ใช่แค่ปีแห่งการเริ่มต้น แต่จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยจะเปลี่ยนไปตลอดกาล สิ่งนี้ไม่ได้กระทบแค่คนสาย Tech แต่กำลังจะเปลี่ยนวิถีการทำงานและการทำธุรกิจของพวกเราทุกคน
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่.. นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy