ซื้อ UPS ทั้งที มีอะไรที่ควรรู้บ้าง ?
อัพเดทล่าสุด: 5 ส.ค. 2025
14 ผู้เข้าชม
ใน การเลือกซื้อ UPS นั้น นอกจากจะต้องทราบขนาดกำลังไฟฟ้า (Watts), VA และ ระยะเวลาสำรองไฟแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรนำมาประกอบการตัดสินใจเลือกซื้ออีกดังนี้
1. อุปกรณ์ไฟฟ้าที่นำมาต่อพ่วงกับ UPS
2. คุณภาพของระบบไฟฟ้า ในจุดที่เรานำ UPS ไปใช้งาน
3. ขนาดของกำลังไฟฟ้าของอุปกรณ์ต่อพ่วงกับ UPS
4. ระยะเวลาที่ต้องการสำรองไฟ
6. ระยะเวลาในการรับประกัน
7. บริการหลังการขาย
สอบถาม-สั่งซื้อสินค้า
Tel :02-9344790
Line : @royaltec
Facebook : RoyaltecThailand
1. อุปกรณ์ไฟฟ้าที่นำมาต่อพ่วงกับ UPS
- ถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการตอบสนองต่อคุณภาพของกระแสไฟฟ้าสูง เช่นอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมือวัดที่มีความละเอียดสูง และอุปกรณ์ Network Server เราควรเลือกใช้ UPS ที่เป็นเทคโนโลยีแบบ True On-Line Double Conversion
- หากเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป เช่น คอมพิวเตอร์ เร้าเตอร์ และปริ้ทน์เตอร์ เราสามารถเลือกใช้ UPS ที่เป็นเทคโนโลยีแบบ Line Interactive ก็เพียงพอแล้ว
2. คุณภาพของระบบไฟฟ้า ในจุดที่เรานำ UPS ไปใช้งาน
- เราควรเลือกใช้ UPS ที่เป็นเทคโนโลยีแบบ True On-Line Double Conversion ในสถานที่ ที่กระแสไฟฟ้ามีความแปรปรวนสูง เช่น จุดที่อยู่ใกล้กับแหล่งจ่ายไฟขนาดใหญ่
- แต่ถ้าเป็นคอนโดฯ หรือที่พักอาศัยทั่วไป ซึ่งมีความแปรปรวนของกระแสไฟฟ้าน้อย เราก็สามารถใช้ UPS แบบ Line Interactive ได้
3. ขนาดของกำลังไฟฟ้าของอุปกรณ์ต่อพ่วงกับ UPS
- เราควรเลือกกำลังไฟฟ้าของ UPS ที่สูงกว่า อัตราการใช้ไฟของอุปกรณ์ต่อพ่วง หรือโหลด เช่น คอมพิวเตอร์ที่ใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 750 VA เราก็ควรเลือก UPS ที่มีขนาดมากกว่า 750VA ขึ้นไป และกำลังไฟฟ้าที่มากขึ้นก็หมายถึงเวลาในการสำรองไฟที่นานขึ้นด้วย
4. ระยะเวลาที่ต้องการสำรองไฟ
- สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านเรือนทั่วไป ระยะเวลาในการสำรองไฟนั้นควรอยู่ที่ประมาณ 5-10 นาที ส่วนอุปกรณ์ที่มีความสำคัญ ควรเลือก UPS ที่สามารถสำรองไฟได้ 10-15 นาที
6. ระยะเวลาในการรับประกัน
7. บริการหลังการขาย
สอบถาม-สั่งซื้อสินค้า
Tel :02-9344790
Line : @royaltec
Facebook : RoyaltecThailand
บทความที่เกี่ยวข้อง
ความก้าวหน้าใหม่ล่าสุดในเทคโนโลยีไร้สาย มีความยืดหยุ่นและความคุ้มค่าที่องค์กรต้องการเพื่อตอบสนองความท้าทายทุกสภาพแวดล้อมของอุปกรณ์ IoT และ BYOD ในอุตสาหกรรมยุคใหม่
5 ส.ค. 2025
การปรับใช้ Wi-Fi ต้องจัดการกับสภาพแวดล้อมที่หลากหลายขึ้นอยู่กับองค์กร องค์กรอุตสาหกรรมจัดการกับแหล่งข้อมูลจำนวนมากที่สร้างปริมาณข้อมูลขนาดใหญ่และสตรีมที่มีอัตราการใช้งานสูงมาก เครือข่ายเหล่านี้ต้องการมาตรฐาน Wi-Fi ล่าสุดที่ให้ความเร็วสูงขึ้นช่วงที่ยาวขึ้น
5 ส.ค. 2025
ในสถาปัตยกรรม Single Channel (SCA) ระบบไร้สายจะควบคุม WLAN และตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างช่องทางไคลเอ็นต์และปัจจัยการใช้งานข้ามหน่วย ลูกค้าเห็นว่าเครือข่ายทั้งหมดเป็นจุดเชื่อมต่อ Wi-Fi จุดเดียวซึ่งพวกเขาเห็นว่าเป็นรหัสชุดบริการพื้นฐาน (BSSID) เดียว จุดเข้าใช้งานให้ความร่วมมือในการเลือก AP ที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละราย และผู้ใช้จะไม่ทราบการเชื่อมต่อใหม่ใดๆ สิ่งนี้เข้ามาแก้ปัญหาในการโรมมิ่งของ MCA หลายประการ: ไคลเอนต์ไร้สายทั้งหมดเชื่อมต่อบน Single Channel และจุดเชื่อมต่อ Wi-Fi ทั้งหมดใช้ BSSID เดียวกันซึ่งทำให้การโรมมิ่งง่ายขึ้นอย่างมาก
5 ส.ค. 2025