แชร์

ความแตกต่างสาย Fiber Optic ชนิด Single-Mode และ multi-Mode ต่างกันอย่างไร

อัพเดทล่าสุด: 5 ส.ค. 2025
36 ผู้เข้าชม

ความแตกต่างสาย Fiber Optic ชนิด Single-Mode และ multi-Mode ต่างกันอย่างไร

ไฟเบอร์ออปติก หรือ ใยแก้วนำแสง เป็นแก้วหรือพลาสติกคุณภาพสูง ที่สามารถยืดหยุ่นโค้งงอได้ โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 8-10 ไมครอน ซึ่งเล็กกว่าเส้นผมที่มีขนาด 40-120 ไมครอน มีแบนด์วิด(Bandwidth) ในการส่งสัญญาณจะสูงกว่าสายเคเบิลชนิดอื่นที่เป็นทองแดง ในด้านการส่งสัญญาณแสงนั้น แสงจะถูกส่งผ่านแกนกลางของสายเคเบิล โดยจะเกิดการสะท้อนกลับของแสง(Reflection in optical) ซึ่งแกนกลางจะทำหน้าที่เป็นท่อนำแสง โดยสายไฟเบอร์ออฟติกจะแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ ชนิด Single-Mode และ Multi-Mode

Single-mode (SM)
ออพติคเคเบิลเป็นสีเหลือง ใยแก้วนำแสงบอกขนาด 9/125 หมายถึง ขนาด core เส้นผ่าศูนย์กลาง 9 ไมครอน ขนาดเปลือกหุ้มเส้นผ่านศูนย์กลาง 125 ไมครอน เมื่อ core มีขนาดเล็กมาก ทำให้แสงเดินทางเป็นระเบียบขึ้น ทำให้เกิดการสูญเสียน้อยลง ความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดประมาณ 2,500 ล้านบิทต่อวินาทีต่อหนึ่งความยาวคลื่นแสงที่ 1300 นาโนเมตร ด้วยระยะทางไม่เกิน 20 กม. ระยะทางในการใช้งานจริง ได้ถึง 100 กม. แต่ความเร็วจะลดลง แต่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบิทต่อวินาที ข้อดีของ SM อีกอันหนึ่งก็คือ มันทำงานที่ความยาวคลื่นที่ 1300 นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงที่มีการลดทอนแสงน้อยที่สุด

Multi-mode (MM)
การกระจายของแสงใน multi-mode ออพติคเคเบิลมีสีส้ม ใยแก้วนำแสงขนาด 50/125 หมายถึง ขนาด core เส้นผ่าศูนย์กลาง 50 ไมครอน ขนาดเปลือกหุ้มเส้นผ่าศูนย์กลาง 125 ไมครอน เนื่องจากมีขนาด core ใหญ่ ทำให้แสงที่เดินทางกระจัดกระจาย ทำให้แสงเกิดการหักล้างกัน จึงมีการสูญเสียของแสงมาก จึงส่งข้อมูลได้ไม่ไกลเกิน 200 เมตร ความเร็วก็ไม่เกิน 100 ล้านบิทต่อวินาที ที่ความยาวคลื่น 850 นาโนเมตร เหมาะสำหรับใช้ภายในอาคารเท่านั้น แต่มีข้อดีก็คือ ราคาถูก เพราะ core มีขนาดใหญ่ สามารถผลิตได้ง่ายกว่า

Optical Light Source
ตัวส่งสัญญาณแสงนั้นจะมี ทั้งแสงแบบ Laser และ LEDs ถูกใช้เป็นแหล่งกำเนิดแสง ชนิด laser จะถูกนำไปใช้งานกับสายชนิด(SM:Single-mode)มากกว่าและจะมีราคาที่แพงกว่า LEDs อย่างมาก เพราะมีพลังงานสูงและควบคุมได้อย่างแม่นยำกว่า ,ส่วน LEDs จะถูกใช้งานกับสายชนิด (MM:Multi-mode) เป็นส่วนใหญ่ และลักษณะแหล่งกำเนิดแสงที่กระจัดกระจาย ไม่คงที่

Single-mode และ Multi-mode มีข้อแตกต่างกันอย่างชั้นเจน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งที่จำเป็นจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับการใช้งาน

_________________________
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 
โทร 02-9344790
Line : @royaltec
Facebook : Royaltec Thailand
www.royaltec.com


บทความที่เกี่ยวข้อง
Hybrid Wi-Fi6 Solution from Allied Telesis
ความก้าวหน้าใหม่ล่าสุดในเทคโนโลยีไร้สาย มีความยืดหยุ่นและความคุ้มค่าที่องค์กรต้องการเพื่อตอบสนองความท้าทายทุกสภาพแวดล้อมของอุปกรณ์ IoT และ BYOD ในอุตสาหกรรมยุคใหม่
5 ส.ค. 2025
การใช้งาน Wi-Fi ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การปรับใช้ Wi-Fi ต้องจัดการกับสภาพแวดล้อมที่หลากหลายขึ้นอยู่กับองค์กร องค์กรอุตสาหกรรมจัดการกับแหล่งข้อมูลจำนวนมากที่สร้างปริมาณข้อมูลขนาดใหญ่และสตรีมที่มีอัตราการใช้งานสูงมาก เครือข่ายเหล่านี้ต้องการมาตรฐาน Wi-Fi ล่าสุดที่ให้ความเร็วสูงขึ้นช่วงที่ยาวขึ้น
5 ส.ค. 2025
การใช้งานข้ามห้องอย่างราบรื่นด้วยสถาปัตยกรรม Single Channel
ในสถาปัตยกรรม Single Channel (SCA) ระบบไร้สายจะควบคุม WLAN และตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างช่องทางไคลเอ็นต์และปัจจัยการใช้งานข้ามหน่วย ลูกค้าเห็นว่าเครือข่ายทั้งหมดเป็นจุดเชื่อมต่อ Wi-Fi จุดเดียวซึ่งพวกเขาเห็นว่าเป็นรหัสชุดบริการพื้นฐาน (BSSID) เดียว จุดเข้าใช้งานให้ความร่วมมือในการเลือก AP ที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละราย และผู้ใช้จะไม่ทราบการเชื่อมต่อใหม่ใดๆ สิ่งนี้เข้ามาแก้ปัญหาในการโรมมิ่งของ MCA หลายประการ: ไคลเอนต์ไร้สายทั้งหมดเชื่อมต่อบน Single Channel และจุดเชื่อมต่อ Wi-Fi ทั้งหมดใช้ BSSID เดียวกันซึ่งทำให้การโรมมิ่งง่ายขึ้นอย่างมาก
5 ส.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่.. นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy